ค่าเงินบาทวันนี้ แข็งค่า 33.73 บาท จับตาทิศทางเงินทุนต่างชาติต่อเนื่อง
น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ 9 พ.ค. 66 เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.73-33.75 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (09.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสัญญาณซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทในระหว่างวันอาจเป็นไปอย่างจำกัด ขณะที่ภาพรวมของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ อ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังเงินดอลลาร์ ฟื้นตัวขึ้นบางส่วนสอดคล้องกับการปรับขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐ (ก่อนการรายงานตัวเลข CPI และ PPI ของสหรัฐ ในวันพุธและพฤหัสบดีตามลำดับ)คำพูดจาก สล็อตpg
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 33.70-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณฟันด์โฟลว์ สถานการณ์แบงก์และปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางเงินทุนต่างชาติและการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค และตัวเลขการส่งออกเดือน เม.ย. ของจีน
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐ ยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม เพื่อรอประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในวันพุธนี้ก่อน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงรอจับตาความคืบหน้าของการเจรจาขยายเพดานหนี้ (US Debt Ceiling) ซึ่งในสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะมีกำหนดประชุมกับผู้นำ ส.ส. จากพรรครีพับลิกัน เพื่อหาทางออกร่วมกันในประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ ใหญ่ ไม่กี่ตัว อาทิ Alphabet +2.1%, Nvidia +1.6% ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.05%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.35% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP +3.3%, Shell +1.9%) หลังราคาน้ำมันดิบได้รีบาวด์และทรงตัวเหนือระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้อีกครั้ง
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงชัดเจน ทว่าการรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ และความกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐ ก็มีส่วนช่วยหนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับ 3.50% เข้าใกล้โซนแนวต้านอีกครั้ง ซึ่งเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะที่บอนด์ยีลด์ทยอยปรับตัวสูงขึ้นในการเข้าสะสมการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ทำให้ในระยะสั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ อาจยังคงแกว่งตัวใกล้โซนแนวต้านแถว 3.50%-3.65%คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับขึ้นสู่ระดับ 101.5 จุด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐ ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาด หรืออัตราเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอลงชัดเจน ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมามองว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ได้นานกว่าคาด ซึ่งจะช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี เรามองว่า ในเดือนพฤษภาคม ความเสี่ยงการเมืองสหรัฐ จากประเด็นการขยายเพดานหนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้ ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้ว่าราคาทองคำจะพยายามปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านเหนือระดับ 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ราคาทองคำยังคงเผชิญแรงขายทำกำไร นอกจากนี้การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ก็มีส่วนช่วยกดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ย่อตัวลงต่อเนื่องใกล้โซนแนวรับระดับ 2,025 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เช่นเดียวกันกับในฝั่งยุโรป ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็อาจช่วยให้ผู้เล่นในตลาดประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของ ECB ได้ ซึ่งล่าสุด ตลาดได้คาดว่า ECB อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อจนแตะระดับ 3.75% เป็นอย่างน้อย
ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดคาดว่า ยอดการส่งออกของจีนในเดือนเมษายนอาจโตราว +10%y/y ซึ่งอาจไม่ได้สะท้อนความต้องการสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากฐานของยอดการส่งออกในปีก่อนหน้าอยู่ในระดับที่ต่ำ ตามภาวะ Lockdown ของเมืองใหญ่ๆ อย่าง เซี่ยงไฮ้ อย่างไรก็ดี ยอดการนำเข้าอาจหดตัว -0.3%y/y ซึ่งส่วนหนึ่งอาจสะท้อนว่าความต้องการสินค้าในประเทศอาจยังฟื้นตัวได้ไม่ดีมาก
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมเกี่ยวกับทองคำ โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวบางส่วน นอกจากนี้ แม้เงินบาทจะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ก็ยังมีแรงซื้อเงินดอลลาร์จากผู้เล่นบางส่วนในตลาดยังช่วยหนุนให้เงินบาทแกว่งตัวเหนือระดับ 33.80 บาทต่อดอลลาร์ได้บ้าง (โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นการขายทำกำไร Long THB ของผู้เล่นบางส่วน)
ส่วนในวันนี้ เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบเดิมต่อ โดยเราประเมินว่า ผู้เล่นบางส่วนในตลาดอาจรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าในการทยอยขายทำกำไรสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) นอกจากนี้ ผู้นำเข้าบางส่วนก็อาจรอจังหวะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นในการเข้าซื้อเงินดอลลาร์ ขณะเดียวกัน โฟลว์จ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติก็ยังคงมีอยู่ และจะเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่า
ในขณะที่ปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทนั้น อาจมาจากแรงซื้อสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ ดังจะเห็นได้จากการที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นและบอนด์ รวมกันมากกว่า 9 พันล้านบาทในวันก่อนหน้า (นอกจากนี้ดัชนี SET ยังส่งสัญญาณพร้อมรีบาวด์ขึ้นในระยะสั้น) ทำให้ เราประเมินว่า โซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ จะยังคงเป็นโซนแนวต้านสำคัญในระยะสั้น ขณะที่โซนแนวรับจะอยู่ในช่วง 33.75-33.80 บาทต่อดอลลาร์