ประเมิน 2 เดือนผลงานรัฐบาลเศรษฐา เจอโจทย์ใหญ่เพียบ
รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ประเมินภาพรวมการทำงานของรัฐบาลเศรษฐา ให้ 5 เต็ม 10 คะแนน ซึ่งประเมินจาก 4 เรื่อง ได้แก่ คดีกำนันนก ในมิติการจัดการผู้มีอิทธิพล, การแต่งตั้ง ผบ.ตร., คดีเด็ก 14 ปี ยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิตกลางห้างพารากอน และการช่วยเหลือแรงงานไทยจากสงครามตะวันออกกลาง
เรื่องที่ รศ.ดร.ธนพร ยกเป็นการทำงานที่ดีที่สุดตอนนี้ คือ การอพยพคนไทยกลับจากอิสราเอล มองว่า การดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทยตอนนี้ไม่ต่างสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ดาวเทียม THEOS-2 พร้อมขึ้นสู่วงโคจรอีกครั้ง วันนี้!
สื่ออ้าง Apple หันไปพัฒนา "Vision Pro 2" แล้ว แม้รุ่นแรกยังไม่วางขาย คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง อันดับ1
เพราะหากเป็นรัฐบาลชุดเดิม ก็จะพาคนไทยกลับบ้านได้เช่นกัน ไม่คิดว่าจะเป็นแต้มบวกของนายกฯ เศรษฐา แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดจากทั้งหมด ส่วนคดีกำนันนก ให้ 4 คะแนน เพราะจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีมาตรการในการระงับยับยั้งพฤติกรรมลักษณะเช่นเดียวกับกำนันนกได้อย่างเป็นรูปธรรม และเหตุยิงกลางพารากอน ยังคงต้องติดตามต่อไปว่ารัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันแบบใด
อาจารย์ธนพร ระบุว่า การทำงานตลอดระยะเวลา 2 เดือนของนายกฯ เศรษฐา เห็นการแสดงออกถึงความมั่นใจ และความตั้งใจ แต่ยังไม่เห็นแนวปฏิบัติจากกลไกที่นายกฯ กำกับดูแลจาก กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ อย่างจริงจัง
ด้าน นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายชื่อดัง มองว่าตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำได้ คือ การพยายามสร้างความมั่นใจ ให้กับนักลงทุน และนักท่องเที่ยว จะเห็นได้จากการเปิดประเทศ การจัดการวีซ่านักท่องเที่ยว แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ แต่ก็ยังสร้างความเชื่อมั่นได้ จึงมองว่าภาพรวมของรัฐบาลชุดนี้เด่นในเรื่องเศรษฐกิจ
แต่ก็หวังว่ารัฐบาลเดินหน้าเจรจาไม่ใช่เฉพาะเรื่องนักท่องเที่ยว แต่เป็นการเจรจาระดับมหภาค รัฐบาลกับรัฐบาล เอกชนกับเอกชน ทำโปรเจคแลนบริดจ์ และเสริมสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนไทยในประเทศด้วย กรณีหุ้นสตาร์ก สิ่งเหล่านี้ มันจะเป็นตัวทำให้ประเทศไทยกลับมายืนบนเวทีโลกได้
ส่วนเรื่องช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล หรือคดีอาชญากรรม อย่างคดีกำนันนก นายวีรพัฒน์ มองว่าเป็นเรื่องยาก มีหลายปัจจัยที่ต้องแก้ ส่วนตัวในภาพรวมจากโจทย์ยากที่รัฐบาลนี้เจอทั้งหมด ตนเองให้คะแนน 7 เต็ม 10 แต่ถ้าจะให้ดี รัฐบาลนายเศรษฐา ต้องฟังเสียงท้วงติงจากคนอื่นๆ เอาไปปรับปรุงแก้ไข ก็จะได้คะแนนมากกว่านี้
ส่วนนโยบายเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์หินของรัฐบาลชุดนี้เช่นกัน มีทั้งเสียงคัดค้านและสนับสนุน และดูเหมือนว่านโยบายนี้อาจจะยืดเยื้อออกไป ต้องจับตาดูกันว่ารัฐบาลเศรษฐา จะผ่านโจทย์ยากเหล่านี้ได้อย่างไร ?